วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ใบงานที่ 6 เรื่อง ซอฟต์แวร์ (Software)

คำชี้แจง  :  จงหาคำตอบแล้วเขียนคำตอบใส่ลงไปใน blog ของตนเอง
1. ให้นักเรียนเขียนชื่อซอฟต์แวร์ระบบ
1.1 DOS (Disk operating System)
1.2 UNIX
1.3 WINDOWS
1.4 OS/2
2.
เติมตัวอักษร
ศัพท์
โจทย์ความหมาย
Windows 2003  Server
เป็นโปรแกรมที่ควบคุมการนำเข้าและการส่งออก หรือการดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
disk cleanup, defrag,
ประกอบด้วยโปรแกรม ชนิด คือ ระบบปฏิบัติการ  ยูทิลิตี้ 
ไดรเวอร์   ตัวแปลภาษา
NOD32, Norton Antivirus
ซอฟต์แวร์ระบบที่เป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน แต่ต้องค่าลิขสิทธ์
ซอฟต์แวร์ระบบ
ระบบปฏิบัติการที่ใช้บนโทรศัพท์มือถือ
โปรแกรมบีบอัดไฟล์
ซอฟต์แวร์ระบบประเภทยูทิลิตี้โปรแกรม
Linux
ระบบปฏิบัติการที่ใช้ติดตั้งบนเครื่องแม่ข่ายเพื่อให้บริการทรัพยากร
Windows  Vista
ซอฟต์แวร์ประยุกต์สำหรับงานเฉพาะด้าน
ระบบปฏิบัติการแบบฝังตัว
โปรแกรมสำหรับการสำรองข้อมูล
ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย
ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ใช้กับงานทั่วไป
ยูทิลิตี้
โปรแกรมสำหรับการให้บริการ Web, Mail  , FTP     Server
ซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์ระบบที่ใช้ได้ฟรีไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธ์
โปรแกรม Backup
โปรแกรมสำหรับกำจัด   ตรวจสอบไวรัส
Word , Excel ,PowerPoint
โปรแกรมสำหรับการลดขนาดของไฟล์ในการจัดเก็บ
โปรแกรมงานทะเบียน
เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายที่ให้บริการกับเครื่องลูกข่าย

วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การจัดดอกไม้




การจัดดอกไม้แจกัน หลักการจัดดอกไม้
 สิ่งที่ต้องเตรียม
        1. ภาชนะสำหรับ การจัดดอกไม้แจกัน หมายถึง ภาชนะสำหรับรองรับดอกไม้มีหลายชนิด เช่น แจกันรูปทรงต่าง ๆ เช่น กระบุง ตะกร้า ชะลอม
        2. ที่สำหรับรองภาชนะ การจัดดอกไม้แจกัน เมื่อจัดดอกไม้เสร็จควรมีสิ่งรองรับเพื่อความสวยงาม ความโดดเด่นของแจกัน เช่นไม้ไผ่ขัดหรือสานเป็นแพ กระจก แป้นไม้
        3. กรรไกรสำหรับตัดแต่ง การจัดดอกไม้แจกัน
        4. เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ลวด ทราย ดินน้ำมัน กระดาษสี ฟลอร่าเทปสีเขียว ก้านมะพร้าว ลวดเบอร์ 24 และ เบอร์ 30
        5. ดอกไม้ประดิษฐ์พร้อมใบไม้สำเร็จ ใน การจัดดอกไม้แจกัน
        6. เครื่องประกอบตกแต่ง การจัดดอกไม้แจกัน เช่น กิ่งไม้ ขอนไม้ ตุ๊กตา ขดลวด เป็นต้น

การจัดดอกไม้แจกัน ดอกไม้ที่นิยมใช้        1. เลือกดอกไม้ตามวัตถุประสงค์สำหรับงาน การจัดดอกไม้แจกัน นั้น ๆ
        2. ความทนทานของดอกไม้ประดิษฐ์ การจัดดอกไม้แจกัน
        3. ขนาด เลือกให้เหมาะกับภาชนะ สถานที่ตั้ง และแบบของ การจัดดอกไม้แจกัน
        4. การเลือกสี การจัดดอกไม้แจกัน ต้องดูฉากด้านหลังและจุดประสงค์ว่าต้องการ กลมกลืน หรือตัดกัน
        5. ความนิยม การจัดดอกไม้แจกัน เช่นดอกกุหลาบนิยมใช้ในงานมงคล ดอกบัวใช้บูชาพระ

สิ่งควรคำนึงใน การจัดดอกไม้แจกัน
        1. สัดส่วน ควรให้ความสูงของดอกไม้พอดีกับแจกันเช่น แจกันทรงสูง ดอกไม้ดอกแรกควรสูง เท่ากับ 1.5 - 2 เท่าของความสูงของแจกัน สำหรับ แจกัน ทรงเตี้ย ดอกไม้ ดอกแรกควรสูง เท่ากับ 1.5 - 2 เท่าของความกว้างของแจกัน
        2. ความสมดุยล การจัดดอกไม้แจกัน ควรจัดให้มีความสมดุลไม่หนักหรือเอียงข้างใดข้างหนึ่ง
        3. ความกลมกลืน การจัดดอกไม้แจกัน เป็นหัวใจของการจัดต้องมีความสัมพันธ์ทุกด้านตั้งแต่ขนาดของแจกัน ความเล็กและใหญ่ของดอกไม้ ความมากน้อยของใบที่นำมาประกอบ
        4. ความแตกต่าง เป็นการจัดที่ทำให้สวยงามสะดุดตา เช่นจัดดอกไม้เล็ก ๆ และมีดอกใหญ่เด่นขึ้นมา
        5. ช่วงจังหวะ การจัดดอกไม้แจกัน ช่วยให้ดอกไม้มีชีวิตมากขึ้น ควรไล่ขนาด ดอกตูม ดอกแย้ม จนถึงดอกบาน
        6. การเทียบส่วน เป็นความสัมพันธ์กับส่วนต่าง ๆ เช่น ดอกไม้ดอกเล็กควรใส่แจกันใบเล็ก ตลอดจนที่รองแจกันมีขาดเล็กด้วย

หลักทั่วไปในการจัดแจกันดอกไม้
        1. หน้าที่และประโยชน์ใช้สอย ก่อน การจัดดอกไม้แจกัน ควรจะทราบวัตถุประสงค์ในการจัดตกแต่งก่อนว่า จะใช้ในงานอะไร และจะจัดวางที่ไหน เช่น วางกลางโต๊ะ วางมุมโต๊ะ ชิดผลัก หรือแจกันติดผนัง เป็นต้น และ การจัดดอกไม้แจกัน ควรดูด้วยว่า ลักษณะของห้องที่จะจัดวางเป็นห้องลักษณะแบบใด ทรงใด และขนาดเล็ก ปานกลางหรือใหญ่ เพื่อเราจะได้เลือก แจกัน และ ดอกไม้ ที่เหมาะสมกับห้องนั้น ๆ ด้วย
        2. สัดส่วน สัดส่วนเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่จะกำหนดว่า แจกัน ที่จัดเสร็จจะสวยหรือไม่สวย ถ้าสัดส่วนไม่สมดุลย์แจกันที่จัดออกมาก็ไม่สวย สิ่งที่ต้องคำนึง
        2.1 ภาชนะทรงเตี้ย ความสูงที่จัดควรเป็น 1.5-2 เท่า ของความกว้างของภาชนะ
        2.2 ภาชนะทรงสูง ความสูงที่จัดควรเป็น 1.5-2 เท่า ของความสูงของภาชนะ
        3. การเทียบส่วน ระหว่าง ดอกไม้ กับ แจกัน , แจกันกับขนาดของห้อง
        4. ความสมดุลย์ เป็นความถ่วงดุล เช่น ซ้ายขวาเท่ากัน หรือ สองข้างไม่เท่ากันแต่หนักไปทางใดทางหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้จัด
        5. การเลือกสี เส้นและขนาดให้แตกต่างกัน การจัดดอกไม้แจกัน  เช่น สีกลาง อ่อน เส้นที่โค้งเรียว ขนาดดอกมีใหญ่เล็กเป็นต้น
        6. ความกลมกลืน การจัดดอกไม้แจกัน  คือ การเข้ากันอย่างสอดคล้องระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ
        7. ความแตกต่าง การจัดดอกไม้แจกัน  เช่น สีของดอก ใบ และภาชนะที่มีสีแตกต่างกัน แต่ความแตกต่างไม่ควรเกิน 20%
        8. การสร้างจุดเด่น การจัดดอกไม้แจกัน คือ จัดให้มีตัวเด่น ตัวรอง และให้มีการส่งเสริมกันและกัน







สืบเนื่องมาจากพี่วา Sweety-around-the-world 
…คนรักต้นไม้ดอกไม้ ขอให้หนูพลอยช่วยลงบล๊อกเกี่ยวกับการจัดดอกไม้
หนูพลอยก็เลยจัดให้ตามคำขอนะคะ โดยบล๊อกนี้จะเป็น
หลักการเบื้องต้นในการจัดดอกไม้ลงแจกัน
ซึ่งเป็นการจัดดอกไม้แบบพื้นฐานที่ง่ายและเบสิคที่สุด
ที่เรามักจะทำกันโดยทั่วไปในชีวิตประจำวันค่ะ






สำหรับการจัดดอกไม้ในรูปแบบอื่น เช่น การจัดลงภาชนะทรงอื่น
การจัดช่อบูเก้ การประดิษฐ์ช่อดอกไม้สำหรับติดสาบเสื้อ การจัดดอกไม้
แบบญี่ปุ่น รวมทั้งเทคนิคและการใช้อุปกรณ์สำหรับจัดดอกไม้ เช่น
โฟมจัดดอกไม้ เทปพันก้าน หรือการใช้ลวดดัด หนูพลอยคิดว่า
คงจะไม่ขอลงในรายละเอียดนะคะ เพราะเกรงว่าจะไม่มีใครสนใจอ่านค่ะ








โฟมสำหรับจัดดอกไม้ (สังเกตภายในของเเจกัน) มีหลากสีสันให้เลือกใช้






หลักเบื้องต้นสำหรับการจัดดอกไม้แบบแจกัน





1. ตัดส่วนปลายสุดของก้านดอกไม้ที่ตัดมาจากต้นแล้วหรือที่ซื้อมา
ออกสัก 1-2 นิ้ว ในลักษณะเอียงกรรไกรทำมุม 45 องศา 

กรรไกรที่ใช้ควรเป็นกรรไกรสำหรับใช้เพื่อการตัดกิ่งดอกไม้โดยเฉพาะ
เพราะจะมีความคม มีน้ำหนัก ทำให้ไม่ต้องออกแรงกดมาก ดอกไม้ไม่ช้ำ
และตัวกรรไกรเองก็ไม่สูญเสียความคมด้วยค่ะ








ถือกรรไกรในลักษณะเอียง 45 องศา ตัดปลายก้านส่วนล่างสุดทิ้ง
(ในภาพเป็นการตัดดอกไม้เพื่อนำมาทำช่อจิ๋วกลัดสาบเสื้อ)







2. ลิดใบส่วนเกินออกจากก้านดอก จะมากหรือน้อยแล้วแต่
ไอเดียของคนจัดนะคะ การลิดใบส่วนเกินนอกจากจะเพื่อความสวยงามแล้ว
ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาความคงทนของดอกไม้ให้มีชีวิตอยู่ในแจกัน
ได้นานขึ้น เพราะหากใบระหรือแช่น้ำในแจกัน ดอกไม้จะเน่าเร็วขึ้นค่ะ








ภายในเเจกัน ปกติจะไม่มีใบหลงเหลืออยู่เพื่อป้องกันการเน่าของดอกไม้






3. เทน้ำสะอาดใส่แจกันที่ล้างสะอาดดีแล้วในปริมาณพอสมควร 
หากแจกันมีความลึกมากจนเกินไป อาจหาทราย ก้อนกรวด หรือก้อนหิน
ใส่ลงไปที่ก้นแจกัน เพื่อหนุนให้แจกันตื้นขึ้นได้นะคะ ข้อสำคัญคือ
อย่าให้น้ำสูงจนถึงระดับของใบ (ในกรณีที่คนจัดทิ้งใบบางส่วนเอาไว้
ภายในแจกันนะคะ แต่ส่วนตัวแล้วหนูพลอยมักเลือกที่จะลิดใบ
ในส่วนที่จะอยู่ภายในแจกันทิ้งทั้งหมด ด้วยเหตุผลในเรื่องของความสวยงาม
และความคงทนของดอกไม้อย่างที่อธิบายไปแล้วในข้อสองค่ะ)








กรวดเเละหินสีใช้หนุนให้เเจกันตื้นขึ้น
เเละยังใช้เพื่อความสวยงามสำหรับการจัดดอกไม้ลงเเจกันใส






4. เติมอาหารดอกไม้ (flower food) 
ปกติจะหาซื้อได้จากร้านดอกไม้ เเต่หากไม่มี ใช้น้ำตาลทรายเติมลงไป
สัก 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อเป็นอาหารให้ดอกไม้ จะช่วยให้ดอกไม้มีอายุ
อยู่ในแจกันได้นานขึ้นอีก และควรเปลี่ยนน้ำใหม่พร้อมกับเติมอาหาร
หรือน้ำตาลทรายใหม่ทุกๆ 3 วัน เพื่อยืดอายุของดอกไม้ด้วยค่ะ








เติมอาหารดอกไม้ (flower food) ทำให้ดอกไม้มีอายุยืนนานขึ้น





5. จัดดอกไม้ลงแจกันโดยจัดเรียงให้ก้านดอกหมุนวนกันไปในลักษณะ
สไปรัล (spiral) หรือเกลียว
 ระดับความสูงของดอกไม้
ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของแจกันและไอเดียของคนจัด ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว
ก็จะมีทั้งแบบความสูงระดับเดียวกัน แบบไล่ระดับความสูง
แบบโชว์ด้านเดียว และแบบโชว์รอบด้าน 360 องศาค่ะ








การเรียงดอกไม้ลงเเจกันเเบบเกลียวหรือสไปรัล (spiral)
ในภาพเป็นการจัดดอกไม้เเบบความสูงระดับเดียวกัน







นอกจากเรื่องสัดส่วนระหว่างดอกไม้และแจกันแล้ว
ควรคำนึงถึงขนาดของห้องที่ต้องการนำแจกันไปวางตกแต่ง
ด้วยนะคะ เช่น หากห้องใหญ่ แจกันก็ควรมีขนาดใหญ่
ดอกไม้เองก็จะต้องมีความสูงค่อนข้างมาก แต่หากต้องการวางแจกันดอกไม้
เพื่อตกแต่งโต๊ะอาหาร แจกันก็ไม่ควรมีขนาดใหญ่และดอกไม้ก็ไม่ควรสูง
จนบดบังอาหาร หรือทำให้คนที่ร่วมรับประทานอาหารมองไม่เห็นหน้ากันค่ะ








Bird of Paradise เป็นดอกไม้ก้านตรงทรงสูง เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่






6. สำหรับการจัดดอกไม้ประเภทเดียวคงไม่มีปัญหามากนัก
แต่การจัดดอกไม้หลายประเภทลงแจกันเดียวกัน คนจัดต้องคำนึงถึง
ความสมดุลย์ของสีสันและประเภทของดอกไม้ที่นำมาใช้
ด้วยค่ะ








สังเกตสมดุลย์ในเรื่องสีเเละประเภทของดอกไม้ที่นำมาจัดรวมกัน





โดยปกติแล้วเราสามารถแบ่งดอกไม้โดยแยกประเภทตามการจัดลงภาชนะ
ได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่






ประเภทดอกตั้งตรง หรือ line material
ใช้เพื่อกำหนดรูปร่างเเละเป็นยอดของดีไซน์ เช่นดอกไอริส (iris)








ยอดของดีไซน์มักใช้ดอกไม้ที่มีก้านตั้งตรง








ดอกไอริส (Iris) ตัวอย่างของการจัดดอกไม้เพียงประเภทเดียว






ประเภทดอกกลม หรือ round material
ใช้ในส่วนกลางของดีไซน์ เช่น ดอกกุหลาบ (rose)
คาร์เนชั่น (carnation) และเยอบีร่า (gerbera)








เเจกันดอกเยอบีร่าเเบบเตี้ยสำหรับตั้งโต๊ะอาหาร
สังเกตการใช้ดอกสีเขียวในส่วนล่างสุดเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับดีไซน์







ประเภทดอกเติมเต็ม หรือ filler material
ซึ่งจะใช้ในส่วนล่างสุดหรือส่วนที่ติดกับแจกัน เพื่อปิดช่องว่าง เพิ่มเติมสีสัน
สร้างความน่าสนใจให้กับดีไซน์ หรือสร้างสมดุลย์ระหว่างดอกไม้
ทั้งสองประเภทที่กล่าวมา เช่น ดอกยิบโซ (gypsophila)
หรือพวกใบเฟิร์น (ferny foliage)








ดอกยิบโซสีขาวดอกเล็กๆ (Gypsophila) ใช้ปิดช่องว่างระหว่างดอกไม้หลัก
สังเกตการใช้ใบสีเขียวลักษณะต่างๆด้านล่างสุดเพื่อสร้างความน่าสนใจ







6. อย่าลืมคำนึงถึงธรรมชาติของดอกไม้ ซึ่งปกติแล้ว
ดอกตูม (bud) จะเป็นส่วนยอดหรือส่วนที่สูงที่สุด
ตามด้วยดอกแย้ม (half-open) ซึ่งจะอยู่ในช่วงถัดมา
หรือช่วงกลาง ไปจนถึงดอกบาน (full bloom)
ซึ่งจะอยู่ด้านล่างสุด การจัดดอกไม้ยึดหลักการเดียวกันกับธรรมชาติ
ของดอกไม้ค่ะ นอกจากนี้ก็ควรระวังอย่าใส่ดอกไม้มากเสียจนดูอึดอัด
ควรทิ้งช่องว่างระหว่างดอกไม้แต่ละดอก เพื่อไม่ให้แจกันดูแน่นเกินไปนะคะ

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

  
ประวัติวัด โสธรวรารามวรวิหาร (วัดหลวงพ่อโสธร)
          พาเที่ยวไหว้หลวงพ่อโสธร ทำบุญที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร (วัดหลวงพ่อโสธร)
          อันบุญบารมีอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ใครๆ จะปฏิเสธไม่ได้เลย และจะแข่งขันให้เท่าเทียมกันนั้นก็ได้ยาก จะมีบ้างก็บางสถานที่ บางท่านบางคนทั้งยังเป็นสิ่งที่เหนือเหตุผลของการพิสูจน์ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า สิ่งมหัศจรรย์นั้นเป็นอจินตัยไม่ควรคิดค้นหาเหตุผล ความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารจะดลบันดาลให้เกิดมีเฉพาะผู้มีบุญวาสนา และผู้เลื่อมใสศรัทธาเชื่อมั่นเท่านั้น หลวงพ่อโสธรองค์หนึ่งที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มีอภินิหารเป็นพระพุทธรูปที่ทรงอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา และเป็นที่รู้จักเคารพบูชาของประชาชนทั้งหลาย หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ ปรางค์ขัดสมาธิเพชร แต่ได้เสริมแต่งขึ้นจากเดิมโดยพอกปูนลงลักปิดทองให้เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 3ศอก 5 นิ้ว พระเนตรเนื้อเลียนแบบพระสมัยลานช้าง หรือเรียกกันสามัญว่า “พระลาว” ซึ่งพระชนิดนี้มีชื่อว่าวัดหงษ์
         โดยที่วัดนี้มีเสาใหญ่ มีหงษ์เป็นเครื่องหมายติดอยู่กับยอดเสา วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงด้านทิศตะวันตก สถานที่ตั้งวัดแต่ดั้งเดิมนั้น เวลานี้ถูกน้ำเซาะพังเป็นแม่น้ำไปหมดแล้ว วัดนี้ใครเป็นผู้สร้างและสร้างขึ้นในสมัยใดไม่ปรากฏ แต่ได้ความว่าเป็นวัดเก่าแก่สร้างมานานแล้ว ต้นเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่า โสทรหรือ โสธร นั้นเล่ากันว่ากาลต่อมาหงษ์ใหญ่ที่ติดอยู่บนยอดเสานั้น พลัดตกลงมาหักทำลายคงเหลือแต่เสา จึงได้เอาผ้าผืนใหญ่ทำเป็นธงขึ้นไปแขวนไว้บนยอดเสาแทนหงษ์ประชาชนก็เลยเรียกชื่อตามนิมิตเครื่องหมายนั้นว่า วัดเสาธง นานมาเสาธงนี้ได้ถูกลมพายุพัดหักโค่นลงมาเป็น 2 ท่อน ชาวบ้านก็เลยถือเอานิมิตที่เสาธงหักเป็นท่อนนั้นตั้งเป็นชื่อวัดว่า “วัดเสาทอน” อยู่สิ้นกาลช้านาน จวบจนถึงสมัยที่มีพระพุทธรูป 3 องค์ พี่น้องล่องลอยน้ำมาจากเหนือ และในจำนวนพระพุทธรูป 3 องค์ นั้นได้อาราธนาอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ 1 องค์ คือ หลวงพ่อโสธร และปรางหลังครั้งหลังก่อนหลวงพ่อโสธรจะมีชื่อเรียกมาอย่างไรไม่มีใครทราบ
พาเที่ยวไหว้หลวงพ่อโสธร ทำบุญที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร (วัดหลวงพ่อโสธร)
          เมื่อได้หลวงพ่อมาไว้สักการะบูชาแล้ว ก็ได้มีท่านผู้รู้ออกความเห็นว่า วัดนี้ยังเรียกชื่อวัดกันไม่แน่นอน จึงพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ว่า “วัดโสทร” อันหมายความว่า วัดพระ 3 องค์ พี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน เมื่อเปลี่ยนเป็นชื่อวัดโสทรแล้ว หมู่บ้านและคลองที่ขึ้นอยู่กับวัดนี้ก็ได้นามเปลี่ยนตามวัดไปด้วย เดิมทีเดียววัดนี้ใช้ตัวหนังสือเขียนว่า “โสทร” ไม่ได้เขียนว่า “โสธร” ดังปัจจุบันนี้ แต่เนื่องด้วยพระพุทธรูปที่ได้มาคือหลวงพ่อโสธรนั้น มีอานุภาพและความศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏ และรูปทรงท่านสวยงามมาก จึงได้เขียนและชื่อวัดว่า “วัดโสธร” ซึ่งมีความหมายว่า “พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์” มาจนทุกวันนี้
คำว่า “โสธร” นี้มีพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิให้ความเห็นว่า เป็นนามที่ศักดิ์สิทธิ์ (โส) เป็นอักขระสำเร็จรูป ป้องกันทุกข์โศกโรคภัยได้ทั้งปวง (ธ) นั้นเป็นพยัญชนะอำนาจ มีตบะเดชานุภาพ (ร) เป็นอักษรมหานิยมเป็นที่ชื่นชมของเทวดาและมนุษย์
         เมื่อ พ.ศ.2458 สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสพระสังฆราชเสด็จมาตรวจการคณะสงฆ์ที่วัดโสธร ทรงสันนิษฐานว่า ผู้ที่ให้ชื่อวัดนี้ไม่ใช่คนที่ไม่รู้ เพราะเป็นนามที่ไพเราะทั้งแปลก็ได้ใจความดังนี้ หลวงพ่อโสธรมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรนานเท่าใด ไม่มีใครทราบได้แน่นอนพอจะมีเค้าตามคำบอกเล่าอันเกี่ยวโยงถึง หลวงพ่อวัดบ้านแหลมจังหวัดสมุทรสงครามและหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการว่า เป็นพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาด้วยกัน และเป็นพระพี่น้องกันและชาวบ้านแหลมได้อัญเชิญหลวงพ่อวัดบ้านแหลมขึ้นจากน้ำเมื่อ พ.ศ.2313 จึงคาดคะเนเอาว่าหลวงพ่อก็คงมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรราว พ.ศ.2313 หรือก่อนนั้นก็ไม่แน่นัก
         ประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อโสธรนี้มีผู้เล่าสืบ ๆ กันมาหลายกระแส ได้สอบถามผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน ซึ่งท่านเหล่านั้นก็ได้รับฟังมาจากบรรพบุรุษเล่าให้ฟังต้องกันว่า “หลวงพ่อโสธร” ลอยน้ำมาตามคำว่า มีพระพี่น้องชายกัน 3 องค์ อยู่ทางเมืองเหนือแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ล่องลอยมาตามแม่น้ำจากทางทิศเหนือ เรื่อยมาจามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ในที่สุดมาผุดขึ้นใน แม่น้ำบางปะกง ณ ที่ตำบลหนึ่ง และแสดงปาฏิหารย์ลอยทวนกระแสน้ำให้ประชาชนเห็นทั้ง 3 องค์ ประชาชนแถบนั้นต่างพร้อมใจกันอาราธนาเอาเชือกพรวนมนิลาลงไปผูกมัดที่องค์หลวงพ่อทั้ง 3 แล้วช่วยกันฉุดลากขึ้นฝั่งด้วยจำนวนผู้คนประมาณ 500 กว่าคนก็ฉุดขึ้นไม่ได้ เชือกขนาดใหญ่ที่ผูกองค์หลวงพ่อทั้ง 3 ก็ขาดฉุดไม่สำเร็จตามความประสงค์ ครั้นแล้วหลวงพ่อทั้งสามองค์ก็จมน้ำหายไปต่อหน้าคนทั้งหมด สถานที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ได้ลอยทวนน้ำมานั้นเลยได้ชื่อว่า “ตำบลสามพระทวน” แต่ต่อมากลับเรียกว่า สัมปทวน ได้แก่แม่น้ำหน้าวัดสมปทวน อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทุกวันนี้
          ต่อจากนั้นพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ก็ล่องลอยตามแม่น้ำบางปะกง เลยผ่านหน้าวัดโสธรไปถึงคุ้งน้ำใต้วัดโสธร แสดงอภินิหารผุดขึ้นให้ชาวบ้านบางนั้นเห็น ชาวบ้านได้ช่วยกันอาราธนาฉุดขึ้นฝั่งทำนองเดียวกันกับชาวสัมปทวน แต่ก็ไม่สำเร็จหมู่บ้านบางนั้นจึงได้ชื่อว่า บางพระ มาจนทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ก็ล่องลอยทวนน้ำขึ้นมาถึงและลอยวนอยู่ที่หัวเลี้ยว ตรงกองพันทหารช่างที่ 2 ปัจจุบัน สถานที่พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์มาลอยวนอยู่นั้นจึงเรียกกันว่า แหลมหัววน และได้จมน้ำหายไปหลังจากนั้นพระพุทธรูปองค์พี่ใหญ่ ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ ล่อยลอยไปผุดขึ้นที่ลำน้ำแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม ประชาชนชาวประมงอาราธนาขึ้นได้ และประดิษฐานเป็นมิ่งขวัญอยู่ที่วัดบ้านแหลมเราเรียกว่า หลวงพ่อวัดบ้านแหลม ทุกวันนี้เป็นที่บูชานับถือกันว่าเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์ทัดเทียมกับหลวงพ่อโสธร ส่วนองค์สุดท้องได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ลอยล่องไปผุดขึ้นที่ปากคลองสำโรง ชาวบ้านแถบนั้นได้อาราธนาขึ้นแพใช้เรือพายลายจูง ทั้งอธิษฐานว่าจะขึ้นเป็นมิ่งขวัญที่ใด ก็ขอให้แพนั้นจงหยุดอยู่กับที่ แล้วล่องมาตามลำคลองแพนั้นก็มาหยุดอยู่หน้าวัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ ชาวบางพลีก็ได้อาราธนาอัญเชิญขึ้นประดิษฐานอยู่ทีวัดบางพลีใหญ่ใน ก็ปรากฏว่ามีผู้คนเคารพเลื่อมใสมากมายทัดเทียมกับหลวงพ่อวัดบ้านแหลม และหลวงพ่อโสธร ส่วนพระพุทธรูปองค์กลาง คือ หลวงพ่อโสธร เมื่อลอยตามน้ำมาจากหัววนดังกล่าวแล้ว ก็มาผุดขึ้นที่ท่าหน้าวัดโสธร
         กล่าวกันว่าประชาชนจำนวนมากทำการฉุดลากขึ้นโดยได้มีอาจารย์ผู้มีความรู้ทางไสยศาสตร์กระทำตามพิธีการอันถูกต้อง แล้วเอาด้านสายสิญจน์คล้องกับพระหัตถ์หลวงพ่อโสธรอัญเชิญขึ้นมาบนฝั่ง นำมาประดิษฐานในวิหารสำเร็จตามความประสงค์ แล้วก็จัดให้มีการฉลองสมโภช และให้นามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อโสธร องค์หลวงพ่อโสธรจริง ๆ นั้นในสมัยที่ลองลอยน้ำมาเดิม เป็นพระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิเพชร หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ รูปทรงสวยงามมาก
         ต่อมาพระสงฆ์ในวัดเห็นว่ากาลต่อไปภายหน้าฝูงคนที่มีตัณหาและความโลภแรงกล้ามีอัธยาศัยเป็นบาปลามกไม่มีความศรัทธาเลื่อมใส จักนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวจะไม่เป็นการปลอดภัย จึงพอกปูนเสริมให้ใหญ่หุ้มองค์จริงไว้ภายในดังปรากฏที่เห็นในปัจจุบันนี้
         สถานที่วัดโสธรตั้งอยู่เดิมภายแรกนั้น ทางบกเป็นป่ามีหมู่บ้านคนน้อยมาก การคมนาคมไม่ค่อยสะดวก เมื่อหลวงพ่อโสธรมาประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรแล้ว ประชาชนชาวเรือนับถือว่า ถ้าได้บอกขอต่อหลวงพ่อโสธรแล้ว สินค้าก็ซื้อง่ายขายคล่องเป็นเทน้ำเทท่า เรือแพที่ผ่านไปมาในแม่น้ำพอถึงที่ตรงกับโบสถ์หลวงพ่อโสธรแล้ว ผู้ที่นิยมนับถือและเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ก็วักเอาน้ำในแม่น้ำซึ่งนับถือว่าเป็นน้ำมนต์หลวงพ่อดื่มบ้าง ลูบศีรษะบ้าง ล้างหน้าประพรมเรือสินค้าในเรือ ดังได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ครั้นต่อมาการคมนาคมทางบกสะดวกขึ้น จึงมีผู้คนไปนมัสการหลวงพ่อกันมากขึ้น ผู้ใดเจ็บป่วยก็มาขอความคุ้มครองจากหลวงพ่อโสธร และก็ได้รับสมความปรารถนาเป็นส่วนมาก กิติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธรได้แผ่ไพศาลไปในถิ่นต่าง ๆ มูลเหตุที่มีงานสมโภชนั้น
         เล่ากันว่า สมัยหนึ่งบ้านโสธรเกิดข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งข้าวกล้าในนาเหี่ยวแห้งตาย สัตว์พาหนะเกิดโรคระบาด ผู้คนทั้งเด็กและผู้ใหญ่เป็นโรคฝีดาษล้มเจ็บลงตามกัน ผู้ที่พอหนีได้ก็ทิ้งสมบัติบ้านเรือนหนีเอาตัวรอด ผู้ที่ป่วยไปไม่ไหวก็นอนรอวันตายของตนอยู่ ในกาลนั้นยังมีบุรุษหัวหน้าครอบครัว ๆ หนึ่งก็ได้เป็นโรคนี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนที่พอจะเป็นที่พึ่งกันได้ ก็เลยหันหน้าเข้าพึ่งสรณะนมัสการอธิษฐานบนบานขอความคุ้มครองรักษาจากหลวงพ่อ โสธรในวิหาร รับเอายาดีของหลวงพ่อโสธรมา 3 อย่าง คือ ขี้ธูป 1 ดอกไม้เหี่ยวแห้งที่บูชาแล้ว 1 และน้ำมนต์จากหลวงพ่อโสธร 1 เอามาต้มกินทาอาบทั่วสรรพางค์กาย ปรากฏว่าได้ผลสมปรารถนา โรคภัยต่าง ๆ หายเป็นปกติด้วยความดีใจที่โรคหายสมประสงค์จึงจัดให้มีการสมโภชแก้บนถวายหลวงพ่อแต่นั้นมา กิติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร ก็แพร่ไปทั่วในถิ่นต่าง ๆ กว้างขวางมากยิ่งขึ้นจนเป็นที่เลื่องลือนับถือบูชาว่าหลวงพ่อโสธรศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดปรารถนาสิ่งใดที่ชอบธรรม ท่านก็ประสิทธิ์ประสาทให้สมประสงค์ การสมโภชแก้บนจึงมีขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
         มีพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับหลวงพ่อโสธร ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อคราวเสด็จประพาสจังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. 2451 ไว้ดังนี้
         “กลับมาแวะวัดโสธร” ซึ่งกรมหลวงดำรงคิดจะแปลว่า ยโสธรจะให้เกี่ยวข้องแก่การที่ได้สร้าง เมื่อเสด็จกลับจากการไปตีเขมร แผ่นดินพระบรมไตรโลกนาถ หรือเมื่อใดนั้นเป็นที่สงสัยด้วยเห็นไม่ถนัด พระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลงทั้งนั้น องค์ที่สำคัญว่าเป็นหมดดีนั้น คือ องค์ที่อยู่กลาง ดูรูปตักและเอวงามเป็นทำนองเดียวกันกับพระพุทธรูปเทวปฏิมากร แต่ตอนบนกลายเป็นด้วยฝีมือผู้ปั้นไปว่า ลอยน้ำมาก็เป็นความจริงเพราะเป็นศิลาคงจะไม่ได้ทำในที่นี้”
อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร มีมากเหลือที่จะเล่าสู่กันฟังให้หมดได้ เพราะหลวงพ่อโสธรเปรียบเสมือนเป็นต้นโพธิ์ไทรอันใหญ่ ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัย หลวงพ่อโสธรเป็นร่มใหญ่กางกั้นสรรพภัยอันตราย ความเดือดร้อนลำเค็ญให้สรรพสัตว์ได้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นแพทย์วิเศษพยาบาลผู้อาพาธให้หายขาดไม่กลับคืน เป็นสรณะที่พึ่งพิงของหมู่บริษัทที่ถูกภัยคุกคามเป็นนิธิบ่อบุญกุศลของทายกทายิกาผู้ใฝ่หาบุญกุศลเป็นหมอดูพยากรณ์ทายโชคชะตาวาสนาทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบัน ให้ทุกท่านผู้ต้องการทราบหลวงพ่อเป็นสัพพัญญูสำเร็จวิชาทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบรมครูของเทวดาาหลวงพ่อนอนนับดาว ที่มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
          ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาวและโดดเด่นในพื้นที่ และเป็นที่มาของคำว่า มอหินขาว และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร นอกจากนั้นยังมีแท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเรือ เจดีย์ หอเอียงเมืองปิซ่า และคล้ายกระดองเต่า ซึ่งจัดเป็นกลุ่มหินที่ 1 กลุ่มหินที่ 2 อยู่ห่างออกไป แท่นหินจะมีรูปร่างแปลกแตกต่างกันออกไป และเมื่อห่างออกไปอีกประมาณ 1,500 เมตร จะเป็นกลุ่มหินที่ 3 ที่เป็นแท่นหินและเสาหินขนาดเล็ก โดยลาดเอียงขึ้นไปจดหน้าผาที่มีชื่อว่า ผาหัวนาก และบริเวณมอหินขาวยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ
นอนนับดาว ที่มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ
          ที่มาของชื่อ มอหินขาว: เดิมพื้นที่แถวนี้เป็นป่า ต่อมาได้มีคนมาบุกเบิกทำไร่ และก็เห็นมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไปแต่ ก็ไม่ได้สนใจอะไร ที่ไร่มันสำปะหลัง (ในสมัยนั้น) ของลุงก็มีก้อนหินใหญ่ขึ้นทั่วไป แต่ที่ลุงเห็นว่าแปลกประหลาดมาก ก็คือก้อนหินใหญ่ 5 ก้อน ที่ในทุกคืนวันพระ (15 ค่ำ, 8 ค่ำ) จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมา คนเฒ่าคนแก่สมัยนั้น เลยเรียกที่นี่ว่ามอหินขาวสโตนเฮนจ์ เมืองไทย“เสาหินและแท่งหิน ที่มอหินขาวส่วนใหญ่เป็นหินทรายสีขาว นอกจากนี้ก็ยังมี หินทรายแป้ง หินโคลน หินทรายสีม่วง ซึ่งสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดยักษ์เหล่านี้มีอายุประมาณ 175-195 ล้านปี และเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียว กลุ่มหินของมอหินขาวกลุ่มที่โดดเด่นที่สุด คือ กลุ่มหินแรกที่มีเสาหินขนาดใหญ่ 5 ต้นเรียงรายกันอยู่ เสาหินเหล่านี้มีความสูงราว 12 เมตร ต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน เชื่อว่าที่นี่จะได้รับความนิยมในบ้านเราในเวลาไม่นานนัก สอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา โทร. 044810902-3 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รถเเปลกๆ

รถมอเตอร์ไซค์แต่ง ( Decoration Bike )

มอเตอร์ไซค์แต่ง
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบมังกร

Decoration Bike
มอเตอร์ไซค์แต่ง

Deco Bike
คนนี้สวยมากครับชอบมาก

การแต่งรถ
คันนี้ตกแต่งด้วยตัวถังโลหะ ฉลุรายอย่างสวยงาม

รถมอเตอร์ไซค์แต่ง
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบหุ้มด้วยขนสัตว์ทั้งคัน ( อาดเป็นพวกกลัวหนาว )

รถมอเตอร์ไซค์แต่งแปลก
Vespa แต่งคันนี้มีตัวถังเป็นไม้

มอเตอร์ไซค์แต่งแนวๆ
Vespa แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบนำปลายกระบอกปืนใหญ่มาทำเป็นที่นั่ง แถมยืนเป็นหน้ารถด้วย

แต่งรถมอเตอร์ไซค์
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบแฮนด์ยาว แต่งดูแล้วเหมือนจะถูกแขวนบนรถมากกว่า

มอเตอร์ไซค์แต่งจ๊าบ
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบ xxx แต่คงไม่ถูกใจชาวไทยเนื่องจากสาวคนนี้ผิวคล้ำจัง

รถแต่งแรงๆ
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบ ไม่รู้จะอธิบายอย่ารไรดี



มอเตอร์ไซค์
มอเตอร์ไซค์พ่วงแต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบลูกกวาดสีสดใสมาก

มอเตอร์ไซค์ สำหรับสาวๆ
มอเตอร์ไซค์แต่ง ไว้สำหรับสาวขาไม่สวย ขับแล้วขอจะสวยขึ้นมาทันที

มอเตอร์ไซค์ยาวที่สุด
ไม่รู้มันจะยาวอะไรขนาดนี้

รถมอเตอร์ไซค์บรรทุก
คันนี้จำเป็นต้องแต่ง ถ้าไม่เสริมล้อหลังคงลำบากมากเนื่องจากบรรทุกของหนักมาก

รถมอเตอร์ไซค์สงคราม
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเป็นแบบอาวุธสงคราม

รถมอเตอร์ไซค์หน้ายาว
มอเตอร์ไซค์แต่ง แบบหน้ายาว สีแฟนซี

รถมอเตอร์ไซค์หน้ายาว
มอเตอร์ไซค์แต่ง แบบหน้ายาว สีเขียว

รถมอเตอร์ไซค์สุดล้ำ
คันนี้ดูล้ำมาก

รถมอเตอร์ไซค์แห่งไฟ
มอเตอร์ไซค์แต่ง แบบแปลวเพลิง

ท่อไอเสียแต่ง
มอเตอร์ไซค์แต่ง ที่ดูเด่นที่สุดก็จะเป็นที่ไอเสียที่จะตีเป็นเกลียวพันกัน 2 เส้น

มอเตอร์ไซค์โจรกรรม
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้แต่งเลียนแบบเครื่องบินโจรกรรม

มอเตอร์ไซค์เครื่องแรง
มอเตอร์ไซค์แต่ง คันนี้จะเด่นมากที่เครื่องยนต์ ไม่รู้ว่ากี่สูบ